แคบหมูสร้างรายได้

แคบหมู

แคบหมูใครก็รู้จัก หากินง่าย ไปนั่งกินก๋วยเตี้ยวน้ำตก สวนมากจะมีเกือบทุกร้าน น่าสนใจไม่น้อย ถ้าท่านไม่รู้ว่าจะลงทุนขายอะไรดีคิด ทำแคบหมูขายเป็นอาชีพเสริม วิ่งตามร้านค้าหรือก๋วยเตี้ยวก็ดีนะครับ เป็นอีกหนึ่งอาชีพที่สามารถสร้างได้พอสมควร 

เรามาดูวิธีทำ แคบหมูกัน ว่าเขามีวิธีทำกันอย่างไร
ส่วนผสม 

วิธีทอดแคบหมู

1.                   หนังหมู 10 กิโลกรัม

2.                   เกลือ 400 กรัม

3.                   ผงชูรส 4 ช้อนโต๊ะ

4.                   ซีอิ้วขาว 1 ช้อนโต๊ะ

5.                   น้ำมันหมู ใช้สำหรับทอดแคบหมู ควรเป็นน้ำมันใหม่ สะอาด ไม่เหม็นหืน และไม่มี สีดำคล้ำ

ก่อนที่เราจะทำแคบหมู เราต้องทำความสะอาดหนังหมูก่อน คือ

-นำหนังหมูมาทำความสะอาด โดยการใช้ใบมีดโกน ขูดสิ่งสกปรก พร้อมขูดขนหมู หรือถอนขนหมู ออกให้หมด แล้วจึงล้างน้ำสะอาด พักไว้ให้สะเด็ดน้ำ

-ในกรณีที่หนังหมูมีกลิ่นเพราะเก็บไว้นาน มีวิธีขจัดกลิ่น โดยการขูดสิ่งสกปรกและขนออกแล้ว ให้นำไปล้างน้ำ ผสมสารส้ม อย่างเจือจาง แล้วจึงนำไปล้างน้ำให้สะอาดอีกครั้งหนึ่ง

-นำหนังหมูมาผสมกับเครื่องปรุง คือ ซีอิ้วขาว, ผงชูรส, เกลือ แล้วต้มในน้ำธรรมดาก่อน แล้วค่อยลงต้มในน้ำมัน

การต้มหนังหมูในน้ำมัน

-นำหนังหมูที่ต้มแล้ว ใส่ลงในกระทะที่เตรียมไว้ และใส่น้ำมัน อย่าให้มากจนล้นออกมานอกกระทะ ในขณะที่ต้มหนังหมู

-เมื่อหนังหมูที่ต้มหดตัวพอสมควรแล้ว จะสังเกต เห็นว่าหนังหมูลอยตัวและไม่ติดก้นกระทะ ให้เพิ่มความร้อน (น้ำมันจะเดือดพล่าน) ในขณะเดียวกันก็ต้องคนไปเรื่อย ๆ แต่อาจจะคนน้อยลง กว่า ตอนแรก เพื่อมิให้หนังหมูไหม้ และให้โดนความร้อนโดยทั่วถึงกัน ต้มต่อไป ประมาณ 1 ชั่วโมง ขั้นตอนนี้จะสังเกตได้ว่า หนังหมูจะแตกเสียงดัง มีน้ำมันกระเด็น

-ในที่สุดหนังหมูจะค่อย ๆ ลอยตัวจากน้ำมัน มีสีเหลืองเข้มขึ้น จะสังเกตเห็นว่ามีจุดพองเป็นตุ่ม ๆ เกิดขึ้นรอบ ๆ หนังหมู ก็เป็นอันว่าใช้ได้ ให้ดับไฟทันที

-เมื่อต้มหนังหมูด้วยน้ำมันได้ที่แล้ว ให้ดับไฟในเตา และแช่หนังหมูทิ้งไว้ ในน้ำมัน ประมาณ 2 ชั่วโมง จะสังเกตเห็นว่า ขณะที่น้ำมันเย็นลงเรื่อย ๆ หนังหมู ก็จะดูดซึมน้ำมันจนอิ่มตัวและค่อย ๆ จมลงก้นกระทะ คงเหลือแต่น้ำมันลอยท่วมอยู่ เมื่อเห็นว่าน้ำมันเย็นพอสมควรแล้ว จึงตักหนังหมูออกจากกะทะเพื่อให้สะเด็ดน้ำ แล้วจึงนำไปผึ่งลมให้คลายร้อน

-เมื่อน้ำมันที่ร้อนจัดแล้ว ให้ใช้ตะหลิวโปร่ง คอยกด หนังหมู ที่ลอยขึ้นมา จมลงไปในน้ำมันให้มากที่สุด ในขณะเดียวกันก็พยายาม คนพลิกกลับข้างบนลงข้างล่าง และแกว่งตะหลิวไปมาสลับกัน เพื่อให้ หนังหมูขยายตัวและได้รับความร้อนจากน้ำมันโดยทั่วกัน ทอดต่อไปจนเห็นว่า แคบหมูพองตลอด และมีสีเหลืองกรอบได้ที่แล้ว จึงตักแคบหมูขึ้นสะเด็ดน้ำมัน หรือใช้กระดาษซับน้ำมัน ทำการซับน้ำมันอีกครั้งหนึ่งก็ได้ พักทิ้งไว้ให้เย็น โรยเกลือเตรียมบรรจุต่อไป

อาชีพเสริมขายโครงไก่ทอด

โครงไก่ทอด

ลงทุนขายอะไรดี ขายโครงไก่ทอด เป็นอาชีพเสริมก็ดีนะ  ลงทุนไม่เยอะ ทำไม่ยาก ขายได้แน่ เพราะคนนิยมซื้อกันไม่น้อยทั้งเอาไปกินเล่น หรือจะเอาไปให้สตว์เลี้ยงที่บ้าน ที่เห็นๆ มา บางเจ้าขายดิบขายดี วันหนึ่งหมดประมาณ 30-40 โล กันเลยที่

ส่วนผสมโครงไก่ทอด

1.                   โครงไก่สด 10 กิโล

2.                   แป้งทอดกรอบ 2 กิโล

3.                   แป้งข้าวเจ้า 1/2 กิโล

4.                   กะทิ 1/2 กิโล

5.                   กระเทียม

6.                   พริกไทย

7.                   ลูกผักชี

8.                   รากผักชี

9.                   ซอสฝาเขียว

10.                ซีอิ้วขาว

11.                เกลือ

12.                น้ำตาลทราย

13.                น้ำเย็น 

วิธีการทำโครงไก่ทอด

·                     นำโครงไก่สดมาล้างให้สะอาด 

จากนั้นนำแป้งทอดกรอบและ แป้งข้าวเจ้ามาผสมให้เข้ากัน ค่อยๆ เติมน้ำเย็นลงไปให้แป้งพอเหนียวไม่ใสมาก 

·                     แล้วเราก็นำกระเทียม พริกไทย รากผักชี และลูกผักชี มาตำให้ละเอียดใส่ลงไปในแป้งที่เราเตรียมไว้

ปรุงรสด้วย ซอสฝาเขียว ซีอิ้วขาว เกลือ น้ำตาลทราย และชิมรสให้ออก เค็ม หวาน ขั้นสุดท้ายเราก็ใส่กะทะลงไปคนให้เข้ากัน

·                     จากนั้นก็ตั้งกะทะให้ร้อน ใส่น้ำมันลงไป พอน้ำมันเดือด ก็นำโครงไก่ชุปแป้งทอด พอโครงไก่เหลือง กรอบแล้ว ก็เป็นอันใช้ได้

การทำโครงไก่ทอดให้กรอบนั้นมีเคล็ดลับอยู่นิดนึงก็คือ ตอนผสมแป้งต้องใช้น้ำเย็น และการใส่กะทิเพื่อให้รสชาติกลมกล่อมมากขึ้น ใช้ไฟแรงนิดนึง รับรองอร่อยกรอบโดนใจเพื่อนๆ  ถ้ากำลังมองหาอาชีพเสริม อาชีพขายโครงไก่ทอดก็เป็นอีกหนึ่งอาชีพหนึงที่น่าสนใจนะ

น้ำเต้าหู้ อาชีพเสริม

ลงทุนขายอะไรดี ขายน้ำเต้าหู้เป็นอาชีพเสริมเสาร์-อาทิตย์ก็ดีนะ คนไทยเรารู้จักน้ำเต้าหู้กันดีตอนที่เราเป็นเด็ก แม่จะซื้อน้ำเต้าหู้มาให้รับประทานอยู่บ่อยครั้ง ทุกวันนี้ยังหาซื้อกินอยู่เลยครับ น้ำเต้าหู้นับว่ามีประโยชน์มากเพราะทำมาจากถั่วเหลือง บวกกับเครื่องปรุงที่ใส่เพิ่มเข้าไปอย่างเช่น ลูกเดือย, งา, เม็ดแมงลัก เป็นต้น คุณค่าของน้ำเต้าหูก็เหมือนกับน้ำนมถั่วเหลืองยิ่งดื่มยิ่งมีประโยชน์ วันนี้เองจึงอยากจะแนะนำการทำน้ำเต้าหู้ เผื่อใครที่สนใจทำเป็นอาชีพเสริม เรามาดูกันเลยว่าขั้นตอนการทำเป็นอย่างไร

ประโยชน์ของน้ำเต้าหู้จากถั่วเหลือง                                                      

- ช่วยลดและป้องกัน โรคมะเร็งเต้านมได้

- ช่วยป้องกันและยับยั้งโรคมะเร็งต่อมลูกหมาก
- ช่วยป้องกันโรคระบบทางเดินอาหาร - ถั่วเหลืองมีอะมิโนแอซิด ที่จำเป็นต่อร่างกาย - เป็นแหล่งโปรตีนสำคัญ - และยังมีประโยชน์อีกมากมาย ดื่มแทนน้ำนมยังได้เลย - ชำระล้างทำความสะอาดถั่วเหลืองให้สะอาดแล้วแช่น้ำไว้อย่างน้อย 6 ชั่วโมง - โม่หรือไม่ก็บดถั่วให้ละเอียด กรองด้วยผ้าสะอาดบางแยกน้ำออก หากมีเครื่องแยกกากก็ใช้เครื่องแยกกากได้เลย - นำขึ้นตั้งไฟ ตอนใกล้ๆเดือดต้องคอย ๆ คนอยู่เสมอเพื่อไม่ให้ไหม้ - ใส่น้ำตาลทราย คนให้ละลายแล้วปิดไฟ อาจแยกบางส่วนไม่ใส่น้ำตาลทรายเลยก็ได้ แล้วแต่ชอบน้ำนมถั่วเหลืองบริสุทธิ์ที่ไม่ได้เจือปนสิ่งอื่นใดลงไปเพื่อเพิ่มปริมาตรหรือทำให้แลดูข้นจะเอร็ดอร่อยและเก็บได้นานกว่า…

ส่วนประกอบการทำน้ำเต้าหู้
ส่วนประกอบ ถั่วเหลืองเลาะเปลือกแยกกากและเศษผงออก 1 ถ้วย ต่อ น้ำสะอาด 7 ถ้วย + น้ำตาลทราย 3/4 ถ้วย
จุดยิ่งใหญ่ของการทำน้ำเต้าหู้อยู่ที่กระบวนการทำต้องหมั่นคนไม่อย่างนั้นจะมีกลิ่นไหม้

วิธีทำ
แช่ถั่วเหลือง(ที่ใช้สำหรับทำน้ำเต้าหู้นะค่ะ) 1 ก.ก. แช่ประมาณ 3-4 ชม.
- พอถั่วพองเหมือนถั่วสดก้อเทน้ำที่แช่ออก  ล้างน้ำให้สะอาด (สังเกตุน้ำที่ล้างจะสีจางลงเรื่อย ๆ จนขาวสะอาด)
- อัตราส่วน ถั่ว 1ก.ก. ต่อ น้ำ 7-8 ลิตร เพื่อคสามเข้มข้น
-บดถั่วแล้วคั่นน้ำ (ขึ้นอยู่กับว่าใช้เครื่องปั่นทั่วไป หรือ เครื่องปั่นน้ำเต้าหู้เฉพาะนะค่ะ)
- นำน้ำถั่วที่คั่นแยกกากแล้วตั้งไปจนเดือด หมั่นคนบ่อย ให้ถึงก้นหม้อกันไหม้นะค่ะ
-พอเดือดก้อช้อนฟองที่หยาบ ๆ ด้านบนทิ้ง 
เคล็ดลับสำคัญ ใส่เกลือลงไปประมาณ 3-5 ช้อนชา (ถ้ากลัวเค็มค่อย ๆ ใส่ แล้วชิมไปนะค่ะ)

อาชีพเสริม ข้าวต้มปลากระพง

อาชีพเสริม ข้าวต้มปลากระพง

ข้าวต้ม ฝนตกอากาศเย็นๆ ดึกอากาศเริ่มหนาว ได้ข้าวต้มร้อนๆ ซักถ้วย ก็จะดีไม่น้อย ปลากะพง เป็นปลาที่อยู่ได้ทั้งน้ำจืดและน้ำเค็ม มีทั้งขนาดเล็กแค่ ½ กิโล จนถึง 10 กว่ากิโลเลยก็มีบางตัว เป็นปลาที่นิยมนำมาทำอาหารจานด็ดในภัตตาคาร ร้านอาหารใหญ่ๆ สวนอาหาร ด้วยเนื้อที่เยอะและรสชาติ อร่อยมากๆ ขอบอก เมนูอาหารที่นำมาทำได้ก็หลากหลาย ด้วยข้อดีของทั้งปลากระพงและข้าวต้ม เมื่อนำมาสมรวมกัน เป็น ข้าวต้มปลากระพง จึงเป็นอาหารที่ใครๆ ก็ทาน จะยามไหนก็ทานอร่อย เป็นอีกหนึ่งรูปแบบธุรกิจที่มีความน่าสนใจไม่น้อยเลยทีเดียว เป็นธุรกิจการค้าขายประเภทของกินที่เรียกได้ว่าเป็นธุรกิจที่มาแรงแซงทางโค้ง เพราะว่าธุรกิจเกี่ยวกับการกินที่สามารถรับประทานได้นั้นกำลังเป็นที่ฮอตฮิต ก็เพราะว่าเรื่องอาหารการกินนั้นเป็นสิ่งที่ทุกคนนั้นจะต้องบริโภคเพื่อดำรงชีวิตอยู่เพื่อใช้ชีวิตในวันต่อไป ดังนั้นไม่ว่าจะเป็นอาหารอะไรก็สามารถขายได้ทั้งนั้น แต่ทั้งนี้ทั้งนั้นก็ต้องขึ้นอยู่กับสินค้าประเภทนั้นๆเสียด้วยว่ามีความอร่อยหรือไม่ ทำเลที่ขายที่ตรงกับกลุ่มลูกค้าของเราหรือไม่ มี Promotion ให้กับลูกค้าหรื่อเปล่า ราคาลูกค้าจ่ายแล้ว รู้สึกพอใจกับสิ่งที่ต้องจ่ายไปหรือเปล่า ถึงจะขายดิบขายดีวัตถุดิบที่นำมาทำนั้นมีความสดใหม่แค่ไหน ซึ่งถ้าสินค้าที่คุณขายนั้นมีความมั่นใจในเรื่องสองเรื่องนี้แล้วละก็ จะต้องเป็นร้านค้าที่ขายได้อย่างแน่นอน

ข้าวต้มปลากะพง ขายอะไรบ้าง เป็นอีกประเด็นที่หน้าสนใจ เพราะถ้าขายแค่ข้าวต้มปลากระพงเพียงอย่างเดียวลูกค้าก็เบื่อแย่

ในยุคมีแฟรนไชส์ที่ขายข้าวต้มปลากะพงด้วย มีคนธุรกิจนี้กันเยอะ แต่ในความจริงแล้ว ร้านยังมีอาหารหลากหลายอย่างอื่นด้วย เพื่อไม่ให้เป็นความจำเจซ้ำซากที่เกิดจากความรู้สึกของลูกค้าว่าร้านนี้นั้นมีแต่เพียงข้าวต้มปลากะพงเพียงอย่างเดียว ซึ่งร้าน ข้าวต้มปลากะพง นั้นเขามีบริการอาหารหลายประเภท อันได้แก่ ต้มยำหัวปลาที่มีรสชาติที่ขอบอกว่าจัดจ้านมากๆ ใครได้ลองชิมแล้วจะต้องติดอกติดใจ ปลาเก๋าลวกจิ้ม เนื้อปลาเก๋าลวกใหม่ๆสดๆ เสิรฟ์พร้อมกับน้ำจิ้มรสเด็ดที่ไม่เหมือนใครและไม่มีใครเหมือนที่รอให้คุณนั้นได้ลองสัมผัส ต้มยำทะเลที่สุดแสนจะอร่อยที่มาพร้อมกับความกลมกล่อมในเรื่องของรสชาติที่ใครนั้นก็เทียบไม่ได้ทั้งความเปรี้ยว เผ็ด เค็ม ความอร่อยที่เรียกได้ว่าลงตัวมากๆเมนูหนึ่งเลยทีเดียว ด้วยความหลากหลายของเมนูอาหารนั้นทำให้ ข้าวต้มปลากะพง นั้นเป็นที่หมายตาของผู้ที่ต้องการจะมีธุรกิจส่วนตัวเล็กๆตามความฝันหรือเพื่อเป็นอาชีพให้กับครอบครัว

ร้านข้าวต้มปลากะพง ควรมีเมนูอาหารเพิ่มเติม เช่น ข้าวต้มปลา ลวกจิ้ม สุกี้ ต้มยำทะเล ข้าวไข่เจียว ข้าวผัดปู เป็นต้น ซึ่งแต่ละเมนูนั้นจะเน้นอย่างมากเรื่องของความสดสะอาดของวัตถุดิบที่จะนำมาประกอบอาหาร ราคาข้าวต้มปลาประมาณ 30 บาท ต้มยำหัวปลาราคา 50 บาท ซึ่งราคาที่เจ้าของข้าวต้มปลากะพง นั้นๆจะขึ้นก็อยู่ที่ทำเลและสถานที่ตั้งอีกด้วย

วัตถุดิบและสัดส่วน:

1. ข้าวสาร ½ ถ้วย
2. เนื้อปลากะพง 250 กรัม
3. กระเทียม 4 – 5 กลีบ
4. รากผักชี 2 ราก
5. พริกไทยเม็ด ¼ ช้อนชา
6. ข่าโขลกละเอียด (นำไปคั่วจนหอม) 1 ช้อนโต๊ะ
7. คึ่นช่ายหั่นทอน 2 ต้น
8. ต้นหอมซอย สำหรับโรยหน้าตามชอบ
9. ผักชีซอย สำหรับโรยหน้าตามชอบ
10. ขิงซอย สำหรับโรยหน้าตามชอบ
11. กระเทียมเจียว สำหรับโรยหน้าตามชอบ
12. น้ำซุป 2 – 3 ถ้วย
13. น้ำปลา 2 ช้อนโต๊ะ
14. ซีอิ๊วขาว 2 ช้อนโต๊ะ
15. พริกไทยป่นสำหรับโรยหน้า
16. เกลือ ¼ ช้อนชา

ขั้นตอนการปรุง:

1. ตั้งน้ำใส่ข้าวสารลงไปต้ม หมั่นคน ต้มจนข้าวเปื่อย จากนั้นตั้งหม้อสำหรับน้ำซุป ใส่เกลือลงไป ตามด้วย รากผักชี กระเทียม พริกไทยที่เอามาโขลกรวมกันไว้
2. รอน้ำเริ่มเดือด ใส่ข่าที่โขลกไว้ ตามด้วยเนื้อปลากะพง ห้ามคนจนกว่าเนื้อปลาจะสุก ปรุงรสด้วยน้ำปลา ซีอิ๊วขาว พอน้ำเดือดอีกครั้งค่อยยกลงเตรียมเสิร์ฟค่ะ
3. เวลาเสิร์ฟก็ตักเฉพาะข้าวใส่ชาม พร้อมด้วยน้ำซุปและเนื้อปลากะพง โรยหน้าด้วยผักชี ต้นหอม ขิงซอย และพริกไทย